เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของผู้เขียนเอง เมื่อปี 2540
มารดาของข้าพเจ้าจำเป็นต้องเข้าผ่าตัดเข่าทั้งสองข้างอันเนื่องมาจาก
ข้อเข่าเสื่อมจากน้ำหนักตัวที่มากกว่า 70 ก.ก. และด้วยอายุที่ 65 ปี มีอาการปวดเข่าและเจ็บขณะเดินซ้ำยังลุกนั่งลำบาก
เมื่อไปให้หมอตรวจหมอลงความเห็นว่าต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าใหม่ทั้งสองข้างจึงจะช่วยได้ แต่อันเนื่องมาจากมารดาของข้าพเจ้า
เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วรวมถึงต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดร่วม 8 หมื่นบาท อีกทั้งผ่าตัดมาแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าสงสารแม่มาก
กลัวว่าท่านจะต้องทุกข์ทรมานจากการผ่าตัด ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงให้ท่านชะลอการผ่าตัดไว้ก่อนระยะหนึ่ง
หลังจากนั้นมาประมาณ 1 เดือน
มีอยู่วันหนึ่งขณะข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่บริษัทฯ (แห่งหนึ่ง) ก็มีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิอะไรสักอย่าง
มาขอเข้าพบ (ข้าพเจ้าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคล)
และมาขอบริจาคเงินซื้อขาเทียมช่วยเหลือตำรวจตระเวนชายแดนที่พิการ
โดยมีบัตรและหลักฐานมาแสดงว่ามาจากมูลนิธิฯ จริง
ไม่ได้มาหลอกลวงแต่อย่างใด
โดยจะบริจาคเท่าไหร่ก็ตามแต่ใจศรัทธา แต่ถ้าซื้อทั้งขา ก็ข้างละ 4 พัน
บาท ตอนนั้นข้าพเจ้าคิดถึงแม่ นึกถึงขาของแม่ที่จะต้องผ่าตัด
ข้าพเจ้าจึงตั้งจิตอธิฐานให้ผลบุญนี้ช่วยแม่ให้หาย จากอาการเข่าเสื่อม แล้วร่วมบริจาคเงินซื้อขาเทียมไป 1 ข้าง 4 พันบาท
ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็ทำงานเพลินจนลืมเรื่องนี้ไป
เวลาผ่านไป 2 เดือน ข้าพเจ้ากลับไปบ้านหาแม่ แม่บอกว่าตอนนี้ไม่ปวดขาแล้ว และเดินลุกนั่งได้ดี จะยังไม่ไปพบหมอให้ผ่าตัด
จะรอไปก่อนจนกว่าจะทนไม่ไหวจึงจะไปผ่าตัด
ไม่น่าเชื่อหลังจากวันนั้น จนมาถึงวันนี้ ปี 48 เป็นเวลา 8 ปี แม่ของข้าพเจ้ายังอยู่สบายดี ไม่มีอาการปวดเข่า และไม่ได้ไปผ่าตัดเข่าแต่อย่างใด และไม่มีวี่แววว่าอาการจะกำเริบอีกเลย เสมือนหนึ่งไม่ได้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมกระนั้น
และปัจจุบันแม่ของข้าพเจ้าก็ยังเดินได้สบายดี
ข้าพเจ้าจึงระลึกได้ว่า ทุกข์สิ่งใด
แก้ที่สิ่งนั้น ทุกข์สิ่งใด สร้างบุญทานด้วยสิ่งนั้น